4 วิธี เลือกขวดนมให้เหมาะกับลูกน้อย

วิธีการเลือกขวดนม

วิธี การเลือกขวดนมให้ลูกน้อยนั้นสำคัญมาก เคยสังเกตไหมว่า เวลาให้ลูกดูดนมจากขวดนม มักมีน้ำนมไหลเลอะออกข้างปากบ้าง สำลักนมบ้าง บางทีลูกก็มีปัญหาท้องอืด จุกเสียด ร้องไห้โคลิก เพราะลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว มีแก๊สอัดแน่นในท้อง สาเหตุหลักอาจมาจากขวดนมที่ใช้อยู่ไม่เหมาะกับรูปปาก หรือวิธีการดูดนมของลูกน้อย นอกจากนั้นแล้วยังต้องเลือกขนาด สีของขวดนม วัสดุที่นำมาใช้ทำขวดนม ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันอีกด้วย ดังนั้น การเลือกขวดนมที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยดูดนมได้สะดวกสบาย และยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจได้มากขึ้นด้วย วันนี้ mom issues จึงมีวิธีการเลือกขวดนมให้เหมาะสมกับลูกน้อยมาฝาก

อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่า ขวดนมที่มีอยู่…ไม่เหมาะกับลูกน้อย

  • ลูกน้อยดูดนมนานเกินไป หากลูกน้อยใช้เวลานานในการดูดนมจนหมดขวด อาจเป็นเพราะขนาดรูของจุกนมเล็กเกินไป ทำให้ลูกน้อยต้องออกแรงดูดมากเกินไป
  • ลูกน้อยดูดนมแล้วอ้วกบ่อย อาจเกิดจากการที่ลูกน้อยดูดนมเร็วเกินไป หรือขนาดรูของจุกนมใหญ่เกินไป ทำให้นมไหลเร็วเกินกว่าที่ลูกน้อยจะกลืนได้
  • ลูกน้อยมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาจเกิดจากการที่ลูกน้อยดูดอากาศเข้าไปขณะดูดนม ซึ่งอาจเกิดจากการที่จุกนมไม่เหมาะสม หรือการที่ขวดนมไม่ตั้งตรง
  • ลูกน้อยร้องไห้หลังจากดูดนม อาจเกิดจากความหิว หรืออาจเกิดจากการที่ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัวขณะดูดนม
  • น้ำหนักตัวของลูกน้อยไม่เพิ่มขึ้น หากลูกน้อยดูดนมได้น้อย อาจส่งผลให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์
  • ลูกน้อยปฏิเสธที่จะดูดนม อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น จุกนมไม่นุ่มพอ หรือลูกน้อยรู้สึกไม่ชอบรสชาติของนม
ขวดนม

วิธีการเลือกขวดนม

1. วัสดุที่ใช้ทำขวดนม

วัสดุที่นำมาผลิตขวดนมมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ตั้งแต่พลาสติก แก้ว หรือซิลิโคน

  • ขวดนมพลาสติก เป็นขวดนมที่นิยม เพราะน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย แต่ควรเลือกชนิดที่ปราศจากสาร BPA (BPA Free) ซึ่งเป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็ก
  • ขวดนมแก้ว มีความทนทาน ลดความเสี่ยงจากสาร BPA (BPA Free) เมื่อถูกความร้อน แต่มีน้ำหนักมากกว่าและอาจแตกได้หากตก
  • ซิลิโคน มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ปลอดภัย แต่ราคาค่อนข้างสูง

2. ขนาดขวดนม

ขวดนมมีหลายขนาดให้เลือกซื้อได้ตามความเหมาะสมของช่วงวัย โดยแบ่งออกเป็นหลายไซซ์ เช่น

  • สำหรับทารกแรกเกิด – 4 เดือน ควรเลือกขนาดเล็ก ไซซ์ SS-S ความจุประมาณ 3 – 5 ออนซ์ เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำนมที่ลูกน้อยต้องการในแต่ละครั้ง
  • 4 – 6 เดือน ควรเลือกขนาดไซซ์ M ประมาณ 5 – 7 ออนซ์
  • สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ควรเลือกขนาดไซซ์ L ประมาณ 7 – 11 ออนซ์

3. รูปร่าง

  • รูปร่างของขวดนมมีผลต่อความยากง่ายในการทำความสะอาด ดังนั้น ควรเลือกขวดนมที่มีรูปร่างทำความสะอาดง่าย เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย เช่น ขวดนมคอขวดกว้าง
  • รูปทรงของขวดนมมีผลต่อการจับของลูกน้อยและคุณแม่ ควรเลือกแบบที่จับถนัดมือ

4. จุกนม

การเลือกขนาดรูของจุกนมต้องเหมาะสมกับอายุและความสามารถในการดูดนมของลูกน้อย

4.1 วัสดุที่ใช้ทำจุกนม

มีหลายแบบ เช่น จุกยาง และจุกนมซิลิโคน ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

  • จุกนมที่ผลิตจากยางพารา จะมีความนุ่มมากกว่าแบบซิลิโคน โดยทั่วไปจะมีสีน้ำตาล สีขุ่นตามแต่ละชนิด สามารถทนความร้อนได้ 100 ˚C มีอายุการใช้งานประมาณ 3 เดือน และ หากต้มฆ่าเชื้อโรคบ่อยๆ จะมีอายุการใช้งานเพียง 1 เดือน
  • จุกนมซิลิโคน
    มีความคงทนมากกว่าจุกยาง มีสีใสและมีความยืดหยุ่นสูง ขาดและพังได้ยากกว่า สามารถทนความร้อนได้ 120 ˚C มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 4 – 6 เดือน แต่หากนำไปทำความสะอาดด้วยความร้อนบ่อยๆ อายุการใช้งานจะเหลือ 2 – 3 เดือน

4.2 รูปทรง

มีหลายแบบ เช่น รูแบบกลม, รู 3 แฉก และรูแบบกากบาท ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้

  • แบบกลม นมจะไหลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และออกมาเป็นทางตรง เหมาะกับทารกแรกเกิด
  • แบบ 3 แฉก ปริมาณของน้ำนมที่ไหลออกมาจะขึ้นอยู่กับแรงดูดของทารก เหมาะกับเด็ก 3 – 6 เดือนขึ้นไป
  • แบบกากบาท ปริมาณของน้ำนมจะไหลออกมามากกว่าแบบอื่น ๆ เหมาะกับเด็ก 3 – 6 เดือนขึ้นไป

การเลือกขวดนมให้เหมาะสมกับลูกน้อยเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ควรให้ความใส่ใจ การเลือกขวดนมที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับอาหารอย่างเพียงพอ และเติบโตพัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์